ซื้อขายหลักทรัพย์
บล.เอเซีย พลัส พร้อมให้บริการและให้คำแนะนำแก่นักลงทุนทั้งรายบุคคลและสถาบัน ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจหลักทรัพย์ยาวนานกว่า 50 ปี โดยทีมงานมืออาชีพ
นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
- ให้คำปรึกษาโดยทีมเจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ
- เลือกส่งคำสั่งซื้อขายได้ตามใจคุณ ผ่านเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน หรือผ่านระบบอินเตอร์เน็ตด้วยตนเอง ด้วยโปรแกรมให้เลือกใช้ตามความต้องการ เช่น JVIX Streaming i2Trade
- ทีมนักวิเคราะห์มีคุณภาพและประสบการณ์ การันตีด้วยรางวัลจากหลายสถาบัน ให้มุมมองแบบทันสถานการณ์
- มั่นใจในการลงทุนด้วยบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่รวดเร็ว แม่นยำ ครอบคลุมบริษัทจดทะเบียนคิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 90% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- เข้าถึงทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารการลงทุน และบทวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ด้วย ASP Smart สุดยอดแอพพลิเคชั่นครบวงจร
- อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน ผ่านสำนักงานสาขา 17 แห่ง ทั้งในกรุงเทพมหานคร และทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
บัญชีเงินสด
บัญชีสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์โดยชำระค่าหลักทรัพย์เต็มจำนวนด้วยเงินสด โดยการพิจารณาอนุมัติวงเงิน จะประเมินจากสถานะการเงินและและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
การซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องชำระราคาภายใน 2 วัน นับจากวันที่ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ โดยการหักหรือเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ (ATS)
การซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องชำระราคาภายใน 2 วัน นับจากวันที่ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ โดยการหักหรือเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ (ATS)
บัญชีแคชบาลานซ์
บัญชีที่ลูกค้าต้องวางเงินล่วงหน้าไว้กับบริษัทหลักทรัพย์เต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือมีข้อตกลงให้บริษัทหลักทรัพย์หักเงินตามคำสั่งของบริษัทหลักทรัพย์
ในบัญชีเงินฝากธนาคารของลูกค้าที่ฝากเงินไว้เต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์
ในบัญชีเงินฝากธนาคารของลูกค้าที่ฝากเงินไว้เต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์
บัญชีเครดิตบาลานซ์
รูปแบบการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Loan) ประเภทหนึ่ง สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์หรือต้องการยืมหลักทรัพย์เพื่อมาขายชอร์ต
ก่อนที่จะซื้อหรือขายชอร์ต ลูกค้าจะต้องนำเงินหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกัน โดยบริษัทฯ จะทำการปรับมูลค่าตามราคาตลาดทุกสิ้นวันทำการ ซึ่งจะทำให้อำนาจซื้อและสถานะบัญชีลูกค้าเปลี่ยนแปลงตามมูลค่าหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ก่อนที่จะซื้อหรือขายชอร์ต ลูกค้าจะต้องนำเงินหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกัน โดยบริษัทฯ จะทำการปรับมูลค่าตามราคาตลาดทุกสิ้นวันทำการ ซึ่งจะทำให้อำนาจซื้อและสถานะบัญชีลูกค้าเปลี่ยนแปลงตามมูลค่าหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อัตราหลักประกันและค่าธรรมเนียม
อัตราหลักประกันและค่าธรรมเนียม
การคำนวณอัตราหลักประกัน
การคำนวณอัตราหลักประกัน
1. ทรัพย์สินของลูกค้า (Assets) Assets = Cash Balance + มูลค่าตลาดของหลักทรัพย์ (LMV) + Collateral |
2. หนี้สิน (Liabilities) Liabilities = Loan + มูลค่าตลาดของหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ต (SMV) |
3. ทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) Equity = Assets - Liabilities |
4. มูลค่าหลักประกันที่ต้องการ (Margin Requirement : MR) MR = มูลค่าหลักทรัพย์ในบัญชีทั้งหมด * Initial Margin % |
5. ทรัพย์สินส่วนเกิน (Excess Equity : EE) EE = Equity - MR |
6. อำนาจซื้อ (Purchasing Power : PP) PP = EE/ Initial Margin |
7. มูลค่าหลักประกันที่ต้องดำรงไว้ (Maintenance Margin Requirement/Call Margin) มูลค่าหลักประกันที่ต้องดำรงไว้ = มูลค่าหลักทรัพย์ในบัญชีทั้งหมด * อัตรา Call Margin |
8. มูลค่าหลักประกันขั้นต่ำ (Minimum Margin Requirement/Force Margin) มูลค่าหลักประกันขั้นต่ำ = มูลค่าหลักทรัพย์ในบัญชีทั้งหมด * อัตรา Force Margin |